ปัญหาแอร์ไม่เย็นหากแม้มีลมออกมาจากเครื่องปรับภายในห้องนั้นมีอยู่สองกรณีคือ
– คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน
– น้ำยาทำความเย็นหมดไป หรือแห้งไป
ปัญหาน้ำยาทำความเย็นหมดไปนั้น มักจะเกิดกับแอร์เก่าๆ ที่รอยเชื่อมของท่อทองแดงเสื่อม เกิดตระกันกัดกร่อนบริเวณรอยต่อเท่านั้น น้ำยาทำความเย็นในระบบแอร์นั้นเป็นระบบปิด ไม่มีทางที่จะหลุดออกไปได้หากมีการติดตั้งที่ดี ดังนั้นที่ต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยๆ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกจุด จริงๆแล้วมักจะโดนช่างบางรายหลอกให้จ่ายตังค์เพิ่มซะมากกว่า เพราะหากตามช่างไปล้างแอร์ ค่าล้างจะอยู่ที่ประมาณ 400 – 500 บาท ถ้าได้เติมน้ำยาแอร์ช่างก็จะได้ไปอีก 300 บาท โดยแทบไม่ต้องลงทุนอะไร
ดังนั้นหากช่างมาล้างแอร์ก็ต้องยืนยันว่าไม่เติมน้ำยาแอร์ ให้เราเปิดแอร์ก่อนล้างว่ายังเย็นอยู่ พอล้างเสร็จความเย็นยังอยู่หรือไม่ หากไม่เย็นคนล้างก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าช่างบอกว่าน้ำยาแอร์เหลือน้อย ก็ถามกลับว่าแล้วน้ำยาแอร์จะรั่วไหลไปทางไหน
กลับมาในประเด็นคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน จะมีสาเหตุมาจากอีก 2 สาเหตุคือ
– คอมเพรสเซอร์พัง
– ตัวคาพาซิเตอร์สตาร์ทพัง
โดยปกติแล้วคอมเพรสเซอร์เป็นอุปกรณ์หลักของระบบปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศยี่ห้อดีๆจะรับประกันอย่างน้อย 5 ปี หากภายใน 2 – 3 ปีแล้วเสียก็ส่งเคลมประกันได้ ซึ่งประเด็นนี้ช่างที่ไม่ซื่อสัตย์บางรายฉวยโอกาสหากินกับเราโดยแจ้งเราว่าคอมพ์เสีย แล้วจะขอถอดเอาไปซ่อม หากเจอกรณีนี้ควรจ่ายค่าเสียเวลาช่างไปเล็กน้อย แล้วตามช่างรายอื่นมาประเมินดีกว่า เพราะโอกาสเสียของคอมเพรสเซอร์มีน้อย คอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่อยู่ได้นับสิบปี
ตัวที่มีโอกาสเสียมากที่สุดคือ คาพาซิเตอร์สตาร์ท พัง เนื่องจากตัวคอยล์ร้อนด้านนอกนั้นอยู่ในภาวะที่มีความร้อนสูง พื้นที่ภายในมีน้อย และสภาพอากาศภายนอกที่สูงอยู่แล้ว ทำให้อุณหภูมิบริเวณที่อุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้อยู่นั้นเกิน 60 องศาแน่นอน ตัวคาพาซิเตอร์หรือตัวเก็บประจุมีโอกาสบวม แตก จากความร้อนสูง
ถามว่าเขาต้องใส่ตัวนี้ไว้ทำไม นั่นก็เพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานด้วยกระแสไฟฟ้าสลับแบบสองเฟส ทำให้การเริ่มต้นจังหวะการทำงาน ไม่สามารถรู้ได้ว่าไฟมาจากทางไหนแล้วไปทางไหน จึงต้องมีตัวคาพาซิเตอร์ไว้เริ่มต้นให้มีการหมุนของมอเตอร์ ดังนั้นอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่าง พัดลม ตู้เย็น แอร์ ที่ต้องมีมอเตอร์ในการหมุนจึงต้องมีตัวคาพาซิเตอร์ตัวนี้
เมื่อเรารู้สาเหตุส่วนใหญ่ที่แอร์จะไม่เย็นแล้วเราก็เริ่มซ่อมแซมกันเลย
ประเมินสถานการณ์
ข้อสังเกตที่จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าตัวคาพาซิเตอร์มีปัญหาแน่ๆ ให้ทำดังนี้คือ
เปิดเครื่องปรับอากาศ ตั้งอุณหภูมิให้ต่ำสุดเช่น 20 โดยก่อนเปิดให้อีกคนไปฟังเสียงด้านนอกว่าฝั่งคอลย์ร้อน พัดลมทำงานหรือไม่
พัดลมของคอลย์เย็นภายในบ้านทำงานปกติ กดปุ่มบนรีโมท แล้วทุกอย่างตอบสนองตามปกติเช่น ปรับความแรงพัดลมได้ ปรับการส่ายขึ้นลงได้ แสดงว่าระบบอิเลคทรอนิกส์ทำงานปกติ
หากด้านนอกพัดลมคอยล์ร้อนทำงาน แต่อากาศไม่ร้อน แสดงว่าคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน
ยืนยันจากด้านในว่าอากาศไม่เย็นตามที่ควรจะเป็น
จากนั้นปรับอุณหภูมิมาที่สูงสุดเช่น 30 – 31 องศา จะสังเกตเห็นว่าพัดลมด้านนอกหยุดทำงาน นั่นแสดงว่าระบบเซ็นเซอร์อุณหภูมิทำงานปกติ เพราะว่าอุณหภูมิในห้องนั้นต่ำกว่าค่าที่ตั้งไว้ (ในห้องน่าจะอยู่ราวๆ 28 – 29 องศา แต่เราตั้งไว้ที่ 30 องศา ระบบจะสั่งให้คอมเพรสเซอร์หยุดทำงาน)
จากนี้หากเราลดอุณหภูมิบนรีโมทลงอีก พัดลมที่คอยล์ร้อนด้านนอกจะไม่ทำงานทันที จะต้องรออีกราว 5 นาที ซึ่งเป็นระบบป้องกันคอมเพรสเซอร์เสียหายนั่นเอง
เปลี่ยน แค็ปสตาร์ท ( Cap run ) *Start Compressor
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 1,200 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน แค็ปสตาร์ท ( Cap run ) *Start Motor คอยล์ร้อน
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 800 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน ขายางรองคอยล์ร้อน
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 500 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน แมกเนติกคอนแทกเตอร์ ( Magnetic Contactor )
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 1,200 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน แมกเนติกคอนแทกเตอร์ ( แอร์ระบบไฟฟ้า 3 เฟส )
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 2,800 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน สายหัวหลัก คอมเพรสเซอร์
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 800 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน ใบพัดลม มอเตอร์คอยล์ร้อน
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 800 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน มอเตอร์คอยล์ร้อน พร้อมใบพัด
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 3,500 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน เซอร์วิสวาล์ว (Service Valve)
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 2,800 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน แคปทิ้วบ์ (Capillary Tube)
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 1,800 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
ขนาด 9000 – 20,000 BTU ราคา = 1,800 บาท
ขนาด 21,000 – 30,000 BTU ราคา = 2,500 บาท
ขนาด 31,000 – 40,000 BTU ราคา = 3,500 บาท
ขนาด 41,000 – 60,000 BTU ราคา = 4,800 บาท
เปลี่ยน ฟิลเตอร์ดรายเออร์ (Filter drier)
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 1,800 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน คอมเพรสเซอร์แอร์ (compressor)
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 6,500 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
*ราคาขึ้นอยู่กับประเภทของ Compressor / ขนาด BTU / ชนิดของน้ำยา / ยี่ห้อ และ รุ่น ทั้งนี้ทางร้านจะประเมิณราคาซ่อม และแจ้งให้ลูกค้าทราบเพื่อการตัดสินใจ ก่อนการปฎิบัติงาน*
ล้างระบบด้วยน้ำยา F11 กรณี (ระบบตัน)
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 3,500 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
ขนาด 9000 – 20,000 BTU ราคา = 3,500 บาท
ขนาด 21,000 – 30,000 BTU ราคา = 4,500 บาท
ขนาด 31,000 – 40,000 BTU ราคา = 5,500 บาท
ขนาด 41,000 – 60,000 BTU ราคา = 7,800 บาท
เปลี่ยนแผงคอยล์ร้อน
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 5,500 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
*ราคาขึ้นอยู่กับประเภทของ แผงคอยล์ร้อน / ขนาด BTU / ชนิดของน้ำยา / ยี่ห้อ และ รุ่น ทั้งนี้ทางร้านจะประเมิณราคาซ่อม และแจ้งให้ลูกค้าทราบเพื่อการตัดสินใจ ก่อนการปฎิบัติงาน*
เปลี่ยนแผงคอยล์เย็น
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 5,500 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
*ราคาขึ้นอยู่กับประเภทของ แผงคอยล์เย็น / ขนาด BTU / ชนิดของน้ำยา / ยี่ห้อ และ รุ่น ทั้งนี้ทางร้านจะประเมิณราคาซ่อม และแจ้งให้ลูกค้าทราบเพื่อการตัดสินใจ ก่อนการปฎิบัติงาน*
เปลี่ยน มอเตอร์บานสวิง
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 1,200 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน บอร์ดแอร์
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 3,500 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน เซนเซอร์อุณหภูมิ (Temperature Sensor)
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 1,200 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน เซ็นเชอร์น้ำแข็ง
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 1,200 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยน ใบพัดลมคอยล์เย็น โบเวอร์แอร์
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 12,00 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
*ราคาขึ้นอยู่กับประเภทของ ใบพัดลมคอยล์เย็น / ขนาด BTU / ยี่ห้อ และ รุ่น ทั้งนี้ทางร้านจะประเมิณราคาซ่อม และแจ้งให้ลูกค้าทราบเพื่อการตัดสินใจ ก่อนการปฎิบัติงาน*
เปลี่ยน Thermo Room หรือ Remote
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 12,00 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เทอร์โมรูมแบบมีสาย ราคา = 1,200 บาท
ชุดคอนโทรลดิจิตอลแบบมีสาย ราคา = 1,850 บาท
ชุดคอนโทรลดิจิตอลแบบไร้สาย ราคา = 2,500 บาท
ซ่อมรั่ว (เช็ครอยรั่วเครื่องปรับอากาศ ด้วยไนโตรเจน)
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 18,00 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
ซ่อมกรณีปัญหาระบบไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้ Circuit Breaker Trip
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 15,00 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)
เปลี่ยนลูก Circuit Breaker
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ = 500 บาท (รวมค่าบริการและตรวจเช็ค)